นวัตกรรมกล้ามเนื้อฉีดยาด้วยระบบเสียงเสมือนจริง
การพัฒนานวัตกรรมกล้ามเนื้อฉีดยาด้วยระบบเสียงเสมือนจริง เป็นการวิจัยและพัฒนา มี 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนานวัตกรรมกล้ามเนื้อฉีดยาด้วยระบบเสียงเสมือน จริง ประกอบด้วย 1) การออกแบบชุดเสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ร่างกาย และ2) การสร้างแบบจำลอง กล้ามเนื้อทำจากชิลิโคน ประกอบเป็นกล้ามเนื้อต้นแขนและสะโพก สำหรับนำไปติดกับชุดเสื้อและ กางเกง ภายในแผ่นกล้ามเนื้อจำลองมีแผ่นผ้านำไฟฟ้า ทำหน้าที่เหมือนเซ็นเซอร์เข็มฉีดยาและมีถุง สำหรับเก็บสารละลาย การทดสอบประสิทธิภาพ โดยพยาบาลวิชาชีพ 5 คน และอาจารย์พยาบาล 2 คน เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบประเมินความพึงพอใจต่อการใช้นวัตกรรม ระยะที่ 2 เป็นการประเมิน ประสิทธิผลของนวัตกรรมกล้ามเนื้อฉีดยา กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาสาธารณสุขชั้นปีที่ 2 เกณฑ์การ คัดเลือก คือ กลุ่มตัวอย่างที่ลงทะเบียนเรียนรายวิชาการปฐมพยาบาล ในปีการศึกษา 2/2565 แบ่ง ออกเป็น 2 กลุ่ม ด้วยการสุ่มอย่างง่าย คือ กลุ่มทดลอง ปฏิบัติการฉีดยากับนวัตกรรมกล้ามเนื้อฉีดยา ด้วยระบบเสียงเสมือนจริง กลุ่มเปรียบเทียบ ปฏิบัติการฉีดยากับหุ่นจำลองกล้ามเนื้อฉีดยาใน ห้องปฏิบัติการ เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบประเมินทักษะปฏิบัติการฉีดยา และความพึงพอใจต่อ นวัตกรรม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติ paired t-test ผลการวิจัย การพัฒนาชุดสวมใส่เป็นแบบเสื้อและกางเกง สวมติดกับร่างกาย สามารถ ปรับขนาดได้ ใช้วัสดุเป็นผ้าคอตตอน ตัดเย็บบริเวณแขน 2 ข้าง และสะโพก ให้มีช่องว่างสำหรับใส่ กล้ามเนื้อจำลอง ส่วนแบบจำลองกล้ามเนื้อฉีดยาเสมือนจริง วัสดุทำด้วยซิลิโคน รูปร่างกลม บริเวณ ฐานมีความยาว 15 เซนติเมตร ภายในใส่ผ้านำไฟฟ้า Layor 0 - 2 ที่ ลึกจากผิวหนัง 2.54 เชนติเมตร ขนาด 7.62 x 7.62 เชนติเมตร กำหนดพื้นที่ตรวจจับตำแหน่งเข็มฉีดยาบริเวณถูกต้องขนาด 5.08X5.08 เซนติเมตร ถัดจากแผ่นนำไฟฟ้าเป็นชั้นล่างสุด มีฟองนำสำหรับรองรับน้ำยา รวมมีความ หนา 6.35 เซนติเมตร และมีสายไฟเชื่อมต่อกับตัวเครื่องที่ออกแบบระบบเซนเซอร์เชื่อมต่อกับแผ่น ไฟฟ้าตรวจจับตำแหน่งเข็ม ส่งสัญญาณมาที่ตัวเครื่องประมวลผลเพื่อแจ้งเตือนด้วยเสียงถึงตำแหน่งที่ ฉีดถูกจุด/ไม่ถูกจุด ทดสอบระบบจำนวน 10 ครั้ง มีคำความตรงที่ 1.00 ระยะเวลาเสียงแจ้งเตือน เฉลี่ย 3.36 วินาที ผลการประเมินนวัตกรรม พบว่าระบบเสียงทำงานได้ตามโปรแกรม (X=4.86, ร.D. -0.38) ระบบมีความเที่ยงตรงการแจ้งเตือนตำแหน่งการฉีถูกต้อง/ไม่ถูกต้อง ได้ตรงตามหลัก วิชาการ (สิ =4. 71, S.D. -0.48) และทำให้ผู้ฉีดเกิดความตระหนัก คำนึงถึงการให้บริการด้วยหัวใจความ เป็นมนุษย์ (X=4.71, S.D. -0.48) ผลการทดลองใช้ พบว่ากลุ่มทดลองที่ฝึกปฏิบัติการฉีดยาเข้า กล้ามเนื้อกับนวัตกรรมมีคะแนนเฉลี่ยของทักษะการฉีดยาสูงกว่า กลุ่มเปรียบเทียบที่ฝึกปฏิบัติฉดยา เข้ากล้ามเนื้อกับหุ่นจำลองในห้องปฏิบัติการ แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.05) กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจ ค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ด้านการออกแบบช่วยเสริมสร้างกระบวนการ เรียนรู้ (X =4.94, S.D.-0.25) ส่วนค่าเฉลี่ยน้อย คือ การออกแบบสวมใส่ง่าย และพอดีกับผู้สวมใส่ (x=4.38,S.D.=0.79)